หากพูดถึงผักใบเขียวที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเมนูไหนก็ตาม ผักชนิดนี้ก็ทำให้รู้สึกชอบในการรับประทานผักได้ ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครปฏิเสธ “ผักขม” หรือที่คนไทยส่วนใหญ่เรียกผิดเป็น “ผักโขม” ไปได้เลย
บทความนี้ใช้เวลาอ่าน 30 วินาที
ประโยชน์ของผักโขม?
ผักโขมเป็นผักที่คนทั่วไปรู้จักกันดี เพราะมีประโยชน์มากมาย ในผักโขมมีแร่ธาตุและสารอาหารอยู่มากมายหลายชนิด เช่น วิตามินเอ กรดโฟเลต แบต้าแคโรทีน วิตามินซี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี โปรตีน และไฟเบอร์
- เป็นยาบำรุงกำลังเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง
ผักโขม สามารถนำมารับประทานเพื่อเป็นยาบำรุงกำลัง และช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้ในการบำรุงน้ำนม
ใช้ในการช่วยบำรุงน้ำนม เหมาะสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนที่มีน้ำนมไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูก เพราะผักโขม ช่วยเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่หลังคลอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงผักโขมมีวิตามินเอ วิตามินซี ที่จะช่วยให้น้ำนมของคุณแม่หลังคลอดสมบูรณ์ขึ้น
- ช่วยในการลดน้ำหนัก
มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักและลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี เพราะการรับประทานผักโขมจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้เร็วและนาน อีกทั้งยังช่วยชะลอการดูดซึมไขมันในร่างกาย
- ป้องกันความจำเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์
ผู้สูงอายุที่รับประทานผักขม(ผักโขม) จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผักขมมีฤทธิ์ช่วยชะลอการตายของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายเมื่อรับประทานเป็นประจำ
- มีโปรตีนสูง
สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ การรับประทานผักโขม ถือเป็นผักที่แนะนำให้รับประทานกันอย่างมาก เนื่องจากมันอุดมไปด้วยโปรตีนสูง
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
มีส่วนช่วยในการบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบหัวใจ และลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจได้
- ป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุด
ในผักโขม จะอุดมไปด้วยวิตามินเค ซึ่งสารชนิดนี้มีส่วนช่วยในการป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุด ซึ่งในผู้ป่วยที่รับประทานกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น aspirin, warfarin ไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก เนื่องจากฤทธิ์ของผักขมจะไปต้านฤทธิ์กับกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดหนืดเกินไปได้
คุณค่าทางโภชนาการของผักโขม
ประกอบไปด้วย โพแทสเซียม, คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด, กากใยอาหาร, น้ำตาล, โปรตีน, วิตามินเอ, วิตามินซี, แคลเซียม, ธาตุเหล็ก, วิตามินบี 6, แมกนีเซียม, ไทอามิน, ไรโบพลาวิน, ไนอาซิน, วิตามินอี, วิตามินเค, ซิงค์, ฟอสฟอรัส
ข้อควรระวังของผักโขม
- ในผักโขมจะมีกรดชนิดหนึ่งที่เรียกว่า กรดออกเซลิคอยู่ค่อนข้างสูง ซึ่งสารชนิดนี้จะมีส่วนทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กในตัวมันได้ นอกจากว่าจะกินผักขมอย่างถูกวิธี
- ไม่ควรรับประทานผักขมดิบ แต่ควรนำมาปรุงให้สุกก่อน ทั้งนี้เพื่อเป็นการทำลายกรดออกเซลิค
- สำหรับผู้ที่เป็นโรคนิ่ว โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และในกลุ่มผู้ที่สะสมปริมาณของแคลเซียม ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักขมในปริมาณมาก
รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ไม่ชอบผักโขม ไม่ยอมรับประทานอาจต้องพิจารณากันใหม่ พยายามลองรับประทานบ่อยๆ แล้วคุณจะรู้ว่า ผักโขมที่มีประโยชน์ต่างๆมากมาย ยังนิยมนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ผัดผักโขม แกงจืดผักโขม ผักโขมอบชีส ขนมปังหน้าผักโขมอบชีส เป็นต้น
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
อันดับแรกที่ควรรู้คือห้ามรับประทานผักโขมที่ยังไม่ปรุงสุก หรือที่ยังดิบๆ อยู่ ผักแต่ละอย่างให้คุณประโยชน์ไม่เหมือนกัน บางชนิดรับประทานดิบๆ ได้ประโยชน์กว่า สารอาหารจะหายไปเมื่อปรุงสุก แต่บางผักบางชนิดควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานจึงจะได้รับสารอาหารครบถ้วน ผักโขมก็เป็นผักที่อยู่ในประเภทผักที่ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทาน
สนใจสั่งซื้อ ผักโขมผง สามารถคลิกได้ที่ [สั่งผงใบกระเพรา]
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบประโยชน์ต่างๆของวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ แต่ไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้